เนื่องจากต้องรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตหลังเพิ่งประสบชัยชนะศึกฟุตบอลโลกเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าตัวเปิดเผยว่าการลงสนามรายการใหญ่สองรายการรวดจะเป็นภาระหนักเกินไป

อย่างไรก็ตาม เมสซี่ยังคงเปิดกว้างสำหรับการติดธงชาติลุยศึกฟุตบอลโลกสมัยที่ 5 ในปี 2026 หากรู้สึกว่ายังคงมีสภาพร่างกายที่สามารถส่งเสริมทีมได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ติดทีมเป็นบุคคลสำรอง
ดาวเตะวัย 36 ปี ซึ่งเคยคว้าเหรียญทองแดงในศึกโอลิมปิกปี 2008 มานั้น กล่าวว่า “ผมรู้สึกโชคดีมากที่เคยได้มีประสบการณ์ลงเล่นโอลิมปิกและคว้าเหรียญทองมาครองร่วมกับ มาสเคราโน่ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำอันวิเศษของวงการลูกหนัง ผมหวังว่านักกีฬาที่จะได้ไปเล่นในรายการนี้จะได้สัมผัสกับความรู้สึกพิเศษเช่นเดียวกับผม”

เมสซี่กล่าวหลังจากนั้น เมสซี่ได้พูดถึงเป้าหมายในอนาคตอันใกล้

ว่า เขามุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จกับต้นสังกัดอย่างอินเทอร์ ไมอามี่ ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องอนาคตกับทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2025
“ผมจะโฟกัสกับการเล่นให้อินเทอร์ ไมอามี่ก่อน โดยพยายามคว้าแชมป์ในลีกและถ้วยรายการสำคัญอย่าง คอนคาเคฟ แชมเปียนส์ลีก เพื่อเป็นการตอบแทนแฟนบอลที่สนับสนุนผมมาโดยตลอด” เมสซี่กล่าว
“หลังจากนั้น ผมจะปรึกษากับโค้ชทีมชาติและผู้จัดการทีมว่าผมจะยังได้รับโอกาสร่วมทีมในปี 2025 หรือไม่ ผมปรารถนาที่จะนำชัยชนะมาสู่ทีมชาติอีกครั้งก่อนที่จะวางสนับแน่น”
นอกจากนี้ เมสซี่ยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการว่าจ้าง เจอร์เกน คลอปป์ อดีตกุนซือลิเวอร์พูล ให้คุมทัพอินเทอร์ ไมอามี่ โดยมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้ร่วมงานกับโค้ชระดับตำนาน
“ผมรู้สึกยินดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับ คลอปป์ เขาคือผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม มีวิสัยทัศน์และความทุ่มเทสูง ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้อยู่ภายใต้การงานของเขา ผมหวังว่าเราจะก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน”
จากนั้น เมสซี่กล่าวถึงประเด็นอื่นๆ ดังนี้

เรื่องการชิงรางวัลบัลลงดอร์สมัยที่ 8 นั้น เมสซี่ให้ความเห็นว่าไม่ใช่เป้าหมายหลัก

เพราะสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือการคว้าแชมป์รายการสำคัญร่วมกับสโมสรและทีมชาติมากกว่า
“บัลลงดอร์เป็นรางวัลส่วนบุคคลที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง แต่ผมไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือการคว้าแชมป์ให้ได้กับอินเทอร์ ไมอามี่และทีมชาติอาร์เจนตินา นั่นคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของผม”

ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนตินายังพูดถึงบทบาทในการเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ด้วย

“ผมหวังว่าประวัติและผลงานของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กๆ รุ่นใหม่ ให้เห็นว่าหากพวกเขาทุ่มเทอย่างหนัก ความฝันและความปรารถนาจะสามารถเป็นจริงได้ ผมต้องผ่านอุปสรรคมามากมายก่อนที่จะประสบความสำเร็จ แต่ผมไม่เคยยอมแพ้”

สุดท้ายแล้ว เมสซี่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตหลังวางสนับแน่นในสนามหญ้าว่า

เขามีความสนใจที่จะเป็นผู้จัดการทีมหรือมีบทบาททางวงการฟุตบอลในรูปแบบอื่นๆ
“หลังจากนี้ไป ผมจะยังคงเกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลต่อไป ผมคิดว่าการเป็นผู้จัดการทีมน่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร ผมต้องรอดูก่อนว่าในอนาคตจะมีโอกาสในด้านไหนบ้าง”
คำให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ของ ลิโอเนล เมสซี่ สะท้อนถึงเป้าหมายและแรงบันดาลใจของเขา ทั้งในแง่ของการค้าแข้งฟุตบอลและชีวิตหลังเลิกเล่น ซึ่งแฟนบอลจะได้เห็นว่าอนาคตของเมสซี่จะเป็นไปในทิศทางใด