นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United) สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการคว้าแชมป์คาราบาว คัพ (Carabao Cup) หลังจากเอาชนะ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ไป 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศที่สนามเวมบลีย์ (Wembley) นับเป็นการสิ้นสุดการรอคอย 56 ปีของพวกเขาในการคว้าแชมป์รายการใหญ่ แฟนบอลเดอะ แม็กพายส์ (The Magpies) ได้ปลดปล่อยอารมณ์ความสุขหลังจากต้องพบกับความผิดหวังในรอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ถึง 9 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่แชมป์เอฟเอ คัพ (FA Cup) ปี 1955 ครั้งนี้ภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว (Eddie Howe) นิวคาสเซิล ได้กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เส้นทางสู่แชมป์ของ นิวคาสเซิล ภายใต้การนำของ ฮาว ตั้งแต่ เอ็ดดี้ ฮาว (Eddie Howe) เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม นิวคาสเซิล ก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะหลังจากได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย ทำให้ทีมสามารถเสริมทัพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในรอบชิงชนะเลิศ นิวคาสเซิล เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกใส่ ลิเวอร์พูล อย่างดุดัน และสามารถขึ้นนำก่อน 2-0 จากประตูของ แดน เบิร์น (Dan Burn) และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค (Alexander Isak) ก่อนที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า (Federico Chiesa) จะทำประตูตีไข่แตกให้ ลิเวอร์พูล ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ถึงแม้ช่วงท้ายเกมจะเต็มไปด้วยความกดดัน แต่นิวคาสเซิลก็สามารถรักษาสกอร์ไว้ได้ และคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ ชัยชนะที่มีความหมายมากกว่าถ้วยแชมป์ แม้ว่า คาราบาว คัพ (Carabao Cup) อาจไม่ใช่ถ้วยรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ แต่สำหรับแฟนบอลของ นิวคาสเซิล นี่คือชัยชนะที่มีความหมายอย่างมหาศาล ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ นิวคาสเซิล ได้แชมป์แรกในรอบ 56 ปี แต่ยังเป็นการประกาศศักดาให้วงการฟุตบอลอังกฤษรับรู้ว่า พวกเขากำลังกลับมาเป็นหนึ่งในทีมระดับแถวหน้าอีกครั้ง แฟนบอลของ